สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

น้ำมัน5แสนลิตรรั่วลงอ่าวมะนิลา สัตว์ทะเลตายเกลื่อน-กระทบวิถีชีวิตชาวบ้าน

น้ำมัน5แสนลิตรรั่วลงอ่าวมะนิลา สัตว์ทะเลตายเกลื่อน-กระทบวิถีชีวิตชาวบ้าน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

      เอ เอฟพี - เหตุน้ำมันดีเซลหลายแสนลิตรรั่วไหลในอ่าวมะนิลา ส่งกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงอันสำคัญของเมืองหลวงฟิลิปปินส์ในวันศุกร์(9) และทำให้วิถีชีวิตของประชาชนหลายพันคนที่หากินอยู่ตามชายฝั่งตกอยู่ในความ เสี่ยง
       
       พบเห็นปลาตายลอยน้ำและชาวบ้านบางส่วนก็ล้มป่วยจากการสูดกลิ่น หลังจากเกิดน้ำมันดีเซลราว 500,000 ลิตร รั่วไหลปกคลุมทั่วบริเวณห่างจากแนวชายฝั่ง 20 กิโลเมตร "ชาวบ้านทั้งคนหนุ่มสาวและคนชราพากันล้มป่วย" มาร์กอส โซลิส กัปตันเรือประมงของหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้จุดเลวร้ายที่สุดของเหตุ น้ำมันรั่วครั้งนี้บอกกับเอเอฟพี "ราคากุ้งหอยปูปลาพังหมด แม้แต่ฝูงปลาที่อยู่ห่างจากชายฝั่งก็ได้รับผลกระทบ เพราะพวกมันได้กลิ่นน้ำมันและว่ายหนีไป"
       นายโจเอล การ์เซีย หัวหน้าสำนักงานยามฝั่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บอกกับผู้สื่อข่าวว่าคราบน้ำมันกระจายทั่วพื้นผิวทะเลเป็นบริเวณกว้าง 300 ตารางกิโลเมตรและกำลังลอยมุ่งหน้าสู่ปากอ่าวห่างจากชายฝั่งกรุงมะนิลาประมาณ 20 กิโลเมตร "ผมไม่สามารถพูดได้ว่าเราควบคุมมันได้แล้ว เพราะผลกระทบต่อพื้นที่กว้างขวางเหลือเกิน"
       
       เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งชี้ว่าเหตุน้ำมันรั่วครั้งนี้ครอบคลุม พื้นที่ราวร้อยละ 15 เปอร์เซนต์ของอ่าว อันเป็นน่านน้ำที่พลุกพล่านที่สุดของประเทศ ขณะที่ชาวบ้านระบุรู้สึกกังวลต่ออนาคตของอุตสาหกรรมประมงของอ่าวซึ่งหล่อ เลี้ยงชีวิตผู้คนในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบหลายล้านคน
       
       "กุ้งหอยปูปลาลอยตายเกลื่อน มันคงต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าอุตสาหกรรมประมงจะฟื้นตัว เว้นแต่สามารถล้างคราบน้ำมันแล้วเสร็จในเร็ววัน" โฮเซ ริคาเฟรนเต นายกเทศมนตรีเมืองโรซานิโอให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี พร้อมยอมรับว่าชาวบ้านราว 40,000 คน ที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมประมงในอ่าวคงต้องตกงานชั่วคราว
       ชาวบ้านต้องช่วยกันใช้ขวดน้ำใช้แล้วหรือภาชนะอื่นๆที่พอจะหาได้มา ช่วยกันเก็บคราบน้ำมัน "แม้แต่เด็กก็ยังมาช่วย แต่เราก็ขอให้เขาสวมหน้ากากเพื่อความปลอดภัย" ริคาเฟรนเตบอก พร้อมเสริมว่ามีชาวบ้านอย่างน้อย 2 คนที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่เวลานี้ทั้งคู่อาการดีขึ้นแล้ว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเหตุน้ำมันรั่วครั้งนี้มีความเป็น ไปได้ว่าอาจมีการรั่วไหลที่คลังกักเก็บน้ำมันบนอ่าวหรือไม่ก็เรือบรรทุก ดีเซลที่ยังไม่ได้ถ่ายน้ำมันนั้นมีรอยรั่ว
       นายการ์เซีย หัวหน้าสำนักงานยามฝั่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเผยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สงสัยว่า เหตุรั่วไหลอาจมีต้นตอจากเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งซึ่งจอดเทียบท่าและยังไม่ ได้ถ่ายโอนน้ำมัน อย่างไรก็ตามในเวลาต่อว่าทีมนักดำน้ำของยามฝั่งพบการรั่วไหลบริเวณท่อใต้ ทะเลที่ลำเลียงไปยังคลังน้ำมันโรซาริโอ ซึ่งมีบริษัทเปตรอน คอร์ปของฟิลิปปินส์เป็นเจ้าของ
       
       กระนั้นก็ดีในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ค ทางเปตรอนยืนยันว่าทอลำเลียงของบริษัทยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีรอยรั่ว แต่อย่างใด "จากข้อมูลเบื้องต้น ต้นตอของการรั่วไหลอาจมาจากเรือบรรทุกน้ำมัน แต่เรายังจำเป็นต้องสืบสวนเพิ่มเติม"
       
       ทั้งนี้นายการ์เซีย ระบุว่าคราบน้ำมันอาจจะอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคลื่นลมทะเลและสภาพอากาศ พร้อมกันนั้นก็คาดหมายด้วยว่าน้ำมันจะเหยไปเองจากแสงแดดที่แผดเผา

"อ่าวมะนิลา" กลายเป็นสีแดง หลังน้ำมันดีเซลรั่วกว่า 500,000 ลิตร

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เจ้าหน้าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เกิดเหตุน้ำมันดีเซลหลายแสนลิตรรั่วไหลลงสู่อ่าวมะนิลา ส่งผลให้ทะเลเต็มไปด้วยคราบน้ำมันสีแดงเข้ม และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง

นายโจเอล การ์เซีย หัวหน้าสำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชายฝั่ง สงสัยว่าเรือบรรทุกน้ำมันจะลักลอบเทน้ำมันดีเซลประมาณ 500,000 ลิตร ลงในอ่าวมะนิลา ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่คับคั่งที่สุดของประเทศเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสามารถควบคุมได้หรือไม่ เนื่องจากคราบน้ำมันส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในวงกว้าง

มีรายงานว่าประชาชนหลายคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากปัญหาระบบการหายใจ  เนื่องจากกลิ่นน้ำมันที่คละคลุ้งขึ้นจากทะเล เจ้าหน้าที่ได้นำทุ่นเพื่อจำกัดวงแพร่กระจายของน้ำมันไว้แล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลกำลังเร่งตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล

น้ำมันกระจายทั่วพื้นผิวทะเลกินพื้นที่ราว300 ตารางกิโลเมตร และกำลังลอยเข้าสู่พื้นที่ปากอ่าวในวันนี้ และกระทบต่อชายฝั่งใกล้กรุงมะนิลา เป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร

ด้านผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรประมงและทะเล ประกาศห้ามการจับหรือจำหน่ายสัตว์น้ำ ที่จับได้จากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม

นายการ์เซียกล่าวว่า สำนักงานฯได้ใช้สารเคมีเพื่อกำจัดคราบน้ำมันเพื่อให้คราบน้ำมันหายไป ซึ่งอาจทำให้น้ำเป็นพิษ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าอีกนานเพียงใด

ทั้งนี้ กัปตันและลูกเรือของเรือบรรทุกน้ำมัน เอ็ม/ที มากิซิก ขนาดระวาง 34,000 บาร์เรล ได้ถูกควบคุมตัวแล้ว ขณะที่เจ้าของเรือจะต้องจ่ายค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดทะเล หากสืบสวนพบว่าเรือลักลอบปล่อยน้ำมันจริง




ที่มา : มติชนออนไลน์


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags :

view