จาก โพสต์ทูเดย์
วราเทพ ระบุ ยังไม่ชัดเจน ลดราคาจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เป็น 13,000 บาท เผยประชุมครม. 18มิ.ย.ชัดเจนทุกประเด็นปมรับจำนำข้าว
ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี และสุพรรณบุรี ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงผู้แทนชาวนา โรงสี ผู้ประกอบการค้าข้าว และหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าวเปลือกร่วมรับฟังปัญหา อุปสรรคและแนวทางการแก้ไขปัญหา
นายวราเทพ กล่าวในที่ประชุมว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว เพื่อชี้แจงต่อสังคม หลังจากก่อนหน้านี้ มีการนำข้อมูลบางส่วนที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร รายงานตัวเลขการขาดทุนของโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งกลุ่มที่ต่อต้านได้นำข้อมูลด้านเดียวไปชี้นำประชาชน โดยไม่ให้เหตุผลประกอบ ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นายวราเทพ กล่าวด้วยว่า ในการประชุม ครม. 18 มิถุนายนนี้ จะมีความชัดเจนในตัวเลขทุกด้า ตอบคำถามทุกประเด็นและมีความชัดเจนในเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการ ทั้งราคารับจำนำข้าวและหลักเกณฑ์
ซึ่งแนวทางที่หลายฝ่ายเสนอ คือ การปรับลดราคารับจำนำลง แต่ตนคิดว่าจะมีผลกระทบต่อชาวนา จึงจะเน้นไปที่การลดภาระในการดำเนินโครงการ แต่ยังไม่สรุปปรับลดราคาในการรับจำนำลง
ด้าน นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า กระแสข่าวที่รัฐบาลอาจปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกลง จากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 13,000 บาทนั้น ชาวนาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะโครงการนี้ทำให้คุณภาพชีวิตชาวนาดีขึ้น หากปรับลดราคาลง และยังคงเงื่อนไขตัดความชื้นที่เปอร์เซ็นละ 200 บาทไว้ เท่ากับว่า ชาวนาจะได้เงินไม่ถึง 10,000 บาท/ตัน และทำให้ราคาข้าวเปลือกในตลาด ปรับลดตามราคาจับจำนำด้วยเช่นกัน
เงื่อนไขของชาวนาคือ หากปรับลดราคาลง รัฐบาลต้องลดต้นทุนของชาวนาให้ได้ ทั้งลดราคาปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำมัน รวมถึงต้องจัดส่งน้ำเข้าแปลงนาอย่างเพียงพอ เพราะค่าใช้จ่ายกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นไปแล้ว และจะไม่ปรับลดลง ตามราคารับจำนำที่จะปรับลงอย่างแน่นอน
ด้านนายวราเทพ กล่าวว่า ตัวเลขราคาที่จะปรับลดนั้นยังไม่กำหนด เพราะเชื่อว่ามีแนวทางอื่นที่จะพอลดค่าใช้จ่ายในโครงการได้ และเห็นใจชาวนา จึงอยากบอกทุกฝ่ายที่ออกมาคัดค้านว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกร เราไม่คิดที่กำไรขาดทุน หากใช้งบประมาณที่คุ้มค่าและไม่ทุจริต ประชาชนและชาวนาได้ประโยชน์ ก็ควรเดินหน้าต่อไป แต่อาจต้องมีการปรับวิธีการ ขึ้นตอน และเงื่อนไขบางประเด็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
